” รถของพ่อ ” Mercedes Benz 300SL Gullwing ซุปเปอร์คาร์รุ่นแรกของโลก

คนไทยหลายคนที่ชื่นชอบในเรื่องราวของรถยนต์ จะต้องแปลกใจอย่างแน่นอนเมื่อได้ทราบว่า หนึ่งในรถซูเปอร์คาร์รุ่นแรกของโลกอย่าง Mercedes-Benz 300SL Gullwing เป็นหนึ่งในรถยนต์พระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 พ่อหลวงของเรา ในบทความนี้ผมจึงขออนุญาติหยิบยก เกร็ดเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับประวัติ “พระราชพาหนะ” องค์นี้กันครับ

รถพระที่นั่งสุดหายาก

Mercedes-Benz 300SL Gullwing ที่ถูกคัดเลือกจากรัฐบาลไทยในสมัยของจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ถูกเข้าประจำการเพื่อเป็นพระราชพาหนะในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พุทธศักราช 2498 หรือกว่า 62 ปีที่ผ่านมา

จากทะเบียนเดิม 1ด-0010 ของ Mercedes-Benz 300SL Gullwing องค์นี้ถูกเปลี่ยนเป็น 1ด –1110 ในปัจจุบัน  ความสมบูรณ์ของตัวรถองค์นี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จนนิตยสารหรือสื่อจากทั่วโลกต้องมาขอเก็บภาพกันเลยทีเดียวครับ เพราะนอกจากหาได้น้อยแล้วนั้น สภาพแทบจะ 100% เช่นองค์นี้ที่มีเลขไมล์เพียง 2,021 กิโลเมตร (ข้อมูลปี 2009) เรียกได้ว่าอาจจะไม่พบเห็นได้เลยในโลก 

สำหรับตอนนี้ Mercedes-Benz 300SL Gullwing องค์นี้ถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์รถยนต์พระที่นั่งโบราณในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ณ วังศุโขทัย โดยอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลาครับ

Supercar รุ่นแรกของโลก

Mercedes Benz 300SL Gullwing รถยนต์สปอร์ตคลาสสิกของค่ายดาวสามแฉกที่มีรูปทรงสวยงามลงตัว นี่คือนวัตกรรมบวกกับสไตล์ที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของรถในตระกูล SL มายาวนานกว่า 50 ปี คำว่า SL ในภาษาเยอรมันย่อมาจากคำว่า Sport Leicht ซึ่งตรงกับคำว่า Sport Light ในภาษาอังกฤษ หมายถึงรถสปอร์ตน้ำหนักเบา

จากข้อมูลใน Wikipedia ตามประวัติแล้ว รถยนต์รุ่นนี้ ประกอบขึ้นใน West Germany เมือง Stuttgart-Untertürkheim เริ่มสายการผลิตในช่วงปี 1954 ถึง 1963 โดยใช้รหัสตัวถังคือ W198 แบ่งออกเป็น 2 รุ่นอีกคือ 300SL Coupe และ 190 SL Coupe โดยในยุคแรกนั้น จะเรียกว่าตัว Coupe ซึ่งมีเฉพาะประตูปีกนก (Gullwing)  ผลิตในช่วง 1954 จนถึง 1957 เป็นจำนวน 1400 คัน ทั่วโลกเท่านั้น  !! ซึ่งแบ่งเป็น 1100 คันสำหรับตลาดใน USA และ 300 คันที่เหลือจัดจำหน่ายไปทั่วโลก ส่วนรุ่นถัดมาที่เราอาจจะพบเห็นได้มากขึ้น ก็คือรุ่น Roadster ซึ่งเป็นแบบเปิดประทุน ผลิตในปี 1957-1963 ซึ่งก็ยังหายากอยู่ เพราะผลิตมาทั้งหมดราวๆ 1858 คันทั่วโลก ทั้งนี้หากเราจะพูดถึงเฉพาะในรุ่นประตูปีกนก ความแรร์ ของเค้ายังไม่จบแค่นั้น เนื่องจากในจำนวน 1400 คันทั่วโลก มีเพียง 29 คันเท่านั้น ที่ถูกผลิตขึ้นมาจาก อลูมิเนียม ทั้งคัน  

ใช่ครับ ผลิตรถที่บอดี้ทำจาก อลูมิเนียมทั้งคัน ในยุค 50’s !!!!

ที่สุดแห่งการออกแบบ

Chassis ได้รับการออกแบบในลักษณะ Tube frame หรือเรียกว่า เฟรมถัก แบบรถในยุคนี้ใช้กัน ทำให้ได้ทั้งความแข็งแรงและความเบาของโครงรถ ท่อเหล็กที่ใช้สร้างเฟรมทำจาก Chrome-Molybdenum ถักรอบตัวรถทั้งคัน ไม่เว้นแม้กระทั้งข้างคนขับ หากสังเกตุดีๆจะเห็นว่าห้องโดยสามารถทำให้ยุบลงไป แล้วใช้เฟรมถักคาดด้านข้างคล้ายกับรถแข่งในยุคนั้น  โดยวิธีการทำเฟรมเช่นนี้ยังมีให้เห็นจนถึงปัจจุบันในรถซุปเปอร์คาร์ทั่วไป

เครื่องยนต์ใช้ระบบ direct injection 6 สูบเรียง ขนาด 3.0L ถูกนำมาจากโฉมซีดานเครื่องยนต์รหัส M198 อ่างน้ำมันเครื่องแบบ Dry sump โดยเครื่องยนต์ทุกตัวที่ผลิต จะถูกทำการทดสอบการใช้งานบนไดโน่ เป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง และทดสอบที่โหลดเต็มที่ เป็นเวลา 6 ชั่วโมง ณ 6000 RPM ก่อนส่งมอบไปถึงมือลูกค้า

เกียร์ธรรมดา 4 Speed 240 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง กอปรกับน้ำหนักตัวรถเพียง 1,093 กิโลกรัม จึงไม่น่าแปลกที่ทำให้รถยนต์คันนี้ทำความเร็วสูงสุดสูงถึงอยู่ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจนทำให้ 300SL เป็นรถเพื่อจำหน่ายที่แรงที่สุดทันทีในขณะนั้นและซุปเปอร์คาร์คันแรกในโลก ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา

การวางเครื่องยนต์ตามยาวไว้ด้านหน้าโดยร่นตัวเครื่อง 3.0 ลิตรให้ใกล้กับกระจกหน้า ทำให้ตัวเลขอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังเท่ากับ 49/50 ส่งผลไปถึงประสิทธิภาพของการทรงตัวทั้งทางตรงและทางโค้งมีความสมดุลสูงสุด ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ธรรมดา 4 สปีด คลัทซ์เดี่ยวแบบแห้ง ระบบกันสะเทือนหน้า คอยล์สปริงพร้อมทอร์ชั่นบาร์ ด้านหลังเป็นคอยล์สปริง โช้คอัพของ 300SL Gullwing ทั้งหน้าและหลังเป็นแบบไฮดรอลิก ระบบเบรกด้านหน้าเป็นไฮดรอลิกพร้อมคาลิปเปอร์ ด้านหลังดรัมเบรค

ราคาวางขายในสมัยนั้น ตกอยู่ที่ราวๆ 7463 USD หรือตีเป็นเงินไทยที่ สองแสนกว่าบาท ในยุคสมัยนั้นหากเรามองลองคำนวณกันเล่นๆ เมื่อเทียบกับค่าเงินปัจจุบัน โดยคิดอัตราเงินเฟ้อที่ 6% ต่อปี  รถคันนี้จะมีมูลค่าราว 10 ล้านกว่าบาทในสมัยนี้ แต่ราคาตลาดปัจจุบัน พุ่งไปแตะในระดับ หลักปลายๆสิบล้านแล้วครับ

จากเทคโนโลยีทั้งหมดข้างต้น การดีไซน์รูปทรงประตูแบบปีกนกที่โดดเด่นรวมถึงความหายากของรถยนต์รุ่นนี้ ส่งผลให้ Mercedes Benz 300SL Coupe Gullwing ได้รับรางวัล Sports Car of the Century หรือรถสปอร์ตแห่งศตวรรษ เมื่อปี 1999 ตอกย้ำความนิยมขึ้นไปอีก จนกลายเป็นรถยนต์ในฝันของนักสะสมทั่วโลก

300SL Gullwing ในไทย 

สำหรับประเทศไทย Mercedes Benz 300SL Gullwing ถูกนำเข้ามาเพียง 8 คัน โดยมีตัวแทนจำหน่ายรถ Mercedes Benz อย่างบริษัท ธนบุรีประกอบยนต์ เป็นผู้นำเข้ามาในปี 1955 และเป็นรถพวงมาลัยซ้ายถึง 4 คัน นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีอีก 4 คันที่มีนักเลงรถโบราณและนักสะสมรถเก่าคลาสสิกนำเข้ามาเองด้วยความชอบส่วนตัว บางคันที่มีสภาพสมบูรณ์เกือบ 100% หลังจากผ่านการบูรณะแล้ว Mercedes Benz 300SL Gullwing มักจอดโชว์ตัวอยู่ในพิพิธภัณฑ์รถยนต์ งานประกวดรถยนต์โบราณของสมาคม หรือตามงานแสดงรถยนต์เป็นประจำทุกปี

การมีรถยนต์โบราณคลาสสิก ต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะ เวลา และทุนรอน เพื่อรักษาสภาพให้มีความสมบูรณ์พร้อม 

แต่ด้วยอายุของ Mercedes Gullwing ที่มากกว่า 60 ปี ทำให้บรรดาผู้เป็นเจ้าของต้องมีความกังวลหรือระมัดระวังเป็นพิเศษเวลานำรถสปอร์ตคันนี้ออกมายืดเส้นยืดสายบนท้องถนน เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอะไหล่รถคลาสสิกตัวท็อปแบบนี้ไม่ได้หากันง่ายๆ

ทำให้กลายเป็นที่มาของการเปิดสายการผลิตชิ้นส่วนตัวถังโลหะหลักของ Mercedes-Benz 300 SL ขึ้นมาอีกครั้งภายใต้ความรับผิดชอบของแผนก Mercedes-Benz Classic โดยโรงงานผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสูงสุดของ Daimler บริษัทแม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และสามารถสั่งซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วโลกอีกด้วย

ชิ้นส่วนตัวถังที่จะผลิตขึ้นใหม่จะมีทั้งหมด 6 ชิ้น หรือครอบคลุมรอบคัน ในราคาเริ่มต้นที่ 2,975 ยูโรหรือราว 1.1 แสนบาท โดยการผลิตจะใช้อุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัยผสมผสานกับเทคโนโลยี 3D เพื่อให้ทุกชิ้นส่วนมีขนาด และโทนสีใกล้เคียงต้นแบบมากที่สุด รวมทั้งขั้นตอนสุดท้ายที่ใช้ค้อนไม้เพื่อตีให้เข้ารูปจากช่างฝีมือที่มีความชำนาญที่ถือเป็นอีกหนึ่งในความพิเศษ

สำหรับผมเอง รถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นที่สุดในใจจริงๆครับ ไม่ใช่แค่รถเก่าหายาก หรือเพียงความพิเศษของรุ่นรถ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเปรียบเหมือน บันทึกประวัติศาสตร์ นั่นคือรถของ “พ่อ” ของเรานั่นเองครับ

ข้อมูล :