วิธีการลงขายสินค้า

วิธีการลงขายสินค้า

รายละเอียดสินค้า

[info_list icon_color=”#dd1c1a” font_size_icon=”32″ eg_br_width=”1″ connector_color=”#dd1c1a”][info_list_item list_icon=”Defaults-edit pencil-square-o”]

ชื่อสินค้า

ควรเรียงลำดับ รายละเอียด ตามนี้

ชนิดสินค้า > ยี่ห้อ > รุ่น > รายละเอียด

ตัวอย่างเช่น

กล่องECU HKS รุ่น F-con สำหรับ Honda Civic FC เป็นต้น

ทั้งนี้ชื่อสินค้า ควรตั้งชื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจว่า สินค้านั้นๆคืออะไร เป็นต้น

[/info_list_item][info_list_item list_icon=”Defaults-list-alt”]

รายละเอียดสินค้า

แบ่งเป็นสองประเภทคือ

– รายละเอียดหลัก ข้อความในส่วนนี้จะปรากฏในส่วน Product description ซึ่งสามารถใส่รายละเอียดได้อย่างไม่จำกัด  ในรูปแบบ HTML  และ Visual ได้ รายละเอียดภายในควรประกอบไปด้วย หัวข้อหลักคือ ชื่อสินค้า (เลือกตัวอักษร H1 ) และ หัวข้อย่อยต่างๆ ( เลือกตัวอักษร H2) ตามด้วยรายละเอียดต่างๆที่ท่านต้องการ

– รายละเอียดแบบสั้น จะปรากฏในส่วนบนของหน้าสินค้า เพื่อแนะนำสินค้าอย่างย่อ ข้อความควรสั้น กระชับ บ่งบอกถึงข้อมูลเชิงลึกของสินค้า เช่น ชนิด , รุ่น , ขนาด  ฯลฯ และมีการเว้นบรรทัดไม่เกิน 3 บรรทัด ห้ามใส่รูปภาพ

[/info_list_item][info_list_item list_icon=”Defaults-image photo picture-o”]

รูปภาพ

– ขนาดรูปภาพ : ควรมีความกว้างไม่เกิน 600 px

– แกลลอรี่ : สำหรับการลงขายสินค้าแบบ Simple product ควรใส่รูปภาพสินค้าสูงสุด 3 ภาพ ต่อสินค้า 1 รายการและการลงขายแบบ Variable products (เพิ่มตัวเลือกสินค้าเช่น สี , ไซส์ , ชนิด ต่อการลงขายสินค้า 1 รายการ) ควรใส่รูปภาพสินค้า เพื่อบ่งบอกว่า สินค้านั้นมีความแตกต่างกันตามแต่ชนิดที่ผู้ซื้อต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ล้อรถแมกซ์ W-work S1 มีขายไซส์ 17″ – 19″ มีสองสี คือ ดำและทอง ในกรณีนี้ ผู้ขายควรใส่รูปสีล้อแมกซ์ที่ต่างกัน แต่ไม่จำเป็นต้องใส่รูปขนาดล้อแมกซ์ที่ต่างกัน เป็นต้น

– img meta : เป็นการใส่ข้อมูลของรูปภาพเพื่อให้ระบบรับรู้ว่า รูปสินค้านั้นๆคืออะไร ซึ่งมีผลต่อการทำโฆษณาในเว็บไซต์(google จะหาสินค้าของท่านเจอมากกว่าอันอื่น)  สามารถแก้ไขและใส่รายละเอียดนี้ได้ ในส่วนของการอัพโหลดรูปภาพ โดยสิ่งที่ควรใส่คือ ชื่อของรูปภาพ และ img alt ส่วนอื่นเว้นว่างไว้

[/info_list_item][info_list_item list_icon=”Defaults-wechat weixin”]

Yoast SEO

เป็นอีกหนึ่งฟังชั่นการใช้งาน ที่ทางเราเตรียมไว้ให้สำหรับผู้ขาย มีความสามารถปรับแต่งในการแสดงผลโฆษณาสินค้า ผ่านทาง 3 ช่องทางคือ Search Engine , Facebook , Twitter สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการปรับแต่งคือ  Keyword ของสินค้า ซึ่งควรเป็น หมวดหมู่/ยี่ห้อ/รุ่น สินค้า(เลือกเพียง1อย่าง) โดยสามารถปรับแต่งได้ในเมนู Edit snippet มีหัวข้อในการปรับแต่ง 4 หัวข้อคือ 

1. SEO Title: ถือได้ว่ามีความสำคัญมากที่สุด การปรับแต่งที่ดี ทำให้ผู้ซื้อสินค้าหน้าใหม่ สามารถเจอสินค้าของท่านจากการค้นหาผ่านทาง Search engine อาทิเช่น Google , Bing เป็นต้นโดยค่าเริ่มต้นนั้นคือ

<ชื่อสินค้า> < หมวดหมู่> | <ชื่อเว็บไซต์>  

ทางเราแนะนำมากที่สุดคือ ควรปรับแต่งชื่อสินค้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยชื่อสินค้านั้นควรปรับแต่งให้มีความยาวที่เหมาะสม และประกอบไปด้วย Keyword ที่ท่านต้องการ

2. Slug : คือ URL เพื่อเข้าถึงในตัวสินค้า แนะนำว่าควรใช้ค่าเดิมที่ระบบได้ทำการใส่ไว้ให้

3. Meta-Description : คือรายละเอียดในการแสดงผล เมื่อผู้ซื้อได้ทำการ Search สินค้าผ่านทาง Search Engine ต่างๆ  ข้อความที่ดีควรจะประกอบไปด้วย ตัวอักษร ที่มีความยาวประมาณ 155 ตัวอักษร และมี Key word ปรากฏอยู่ในนั้นด้วย 

4. Focus Keyword : คือ คำ ที่ลูกค้าของเราจะใช้ค้นหาสินค้าผ่าน Search engine ควรใช้คำที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้านั้นๆ แนะนำว่า ควรใช้ Keyword เจาะจงในตัวสินค้า เพื่อให้เข้าถึงสินค้าได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น หากทำการขายเกจวัดรอบ Autometer รุ่น Phantom ขนาด 60 mm. หน้าดำ  แนวทางของการใส่ Keyword ที่ดี ควรจะเป็น  ” เกจ Autometer phantom ” , ” วัดรอบ Autometer Phantom ” , ” Autometer หน้าดำ ” เป็นต้น  จะเห็นได้ว่า เป็น Keyword ที่เจาะจงสินค้า บางยี่ห้อ บางรุ่น เท่านั้น ซึ่งง่ายต่อการค้นหา และทำให้ลูกค้าสนใจ 

[/info_list_item][info_list_item list_icon=”Defaults-th-large”]

Product Type

Simple Product : การขาย 1 รายการ ต่อ 1 สินค้า

< รอการใส่รายละเอียด>

Variable Products : การขาย 1 รายการ ต่อ 1 สินค้า หลายคุณสมบัติ

< รอการใส่รายละเอียด>

Grouped Products : การขาย 1 รายการ ต่อ1 กลุ่มสินค้าหลายชนิด

เป็นการจัดรวม Simple Products ไว้ด้วยกันเป็นกลุ่ม เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าหลายชนิดได้ในครั้งเดียวกัน สามารถเพิ่มยอดขายได้ง่ายและสะดวกต่อผู้ซื้อในกรณีจำเป็นต้องซื้อสินค้าหลายๆอย่างที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยผู้ขายจำเป็นต้องมีสินค้าที่ลงขายเป็นประเภท Simple Products ก่อน แล้วจึงทำการ รวบรวมสินค้าเหล่านั้น มาลงขายในกรณีแบบกลุ่มอีกทีหนึ่่ง

การประยุกต์ใช้เพิ่มเติม

  • จัดเป็นกลุ่มชุดเครื่องแต่งกาย
  • จัดเป็นชุดเซ็ตเครื่องมือ
  • จัดเป็นให้เลือกซื้อสินค้าตามรุ่นก็ได้ เพราะตัวเดียวกัน แต่เวอร์ชั่นเก่า อาจจะราคาถูกกว่าตัวเวอร์ชั่นใหม่
  • จัดเป็นกลุ่มราคาขายปลีก-ส่ง โดยสินค้าชิ้นที่ 1 ตั้งเป็นราคาต่อชิ้น ส่วนสินค้าอีกชิ้น ตั้งราคาเป็นต่อแพ็ค เป็นต้น

 

Affiliate Products : การขายสินค้าจากฐานข้อมูลภายนอกเว็บไซต์

< รอการใส่รายละเอียด>[/info_list_item][/info_list]

ระบบข้อมูลสินค้า

Product Categories

หมวดหมู่สินค้า

ปรากฏอยู่ในหน้า แคตตาล็อกสินค้าหลัก ซึ่งทางเว็บจัดเตรียมไว้ให้  โดยมีหมวดหมู่แยกย่อยไปตามแต่ละหมวดหลัก ลักษณะของ  URL ที่ปรากฏคือ

/Product-category/ชื่อหมวดหมู่หลัก/ชื่อหมวดหมู่รอง/….

Product Attributes

คุณลักษณะสินค้า

ปรากฏอยู่ในหน้า ลงขายสินค้า (สำหรับ Vendor ผ่านการอนุมัติแล้ว) ซึ่งมีตัวเลือกหลายหลายชนิด ตามแต่สินค้าที่ลงขาย ในกรณีลูกค้า Search หาหรือกดLink จะสามารถเห็นสินค้าที่มีคุณลักษณะตรงกันได้ มีผลกับการโฆษณา , Search engine , Social media

Product Categories

ความเกี่ยวเนื่องกันของสินค้า

เป็นหมวดหมู่ที่แสดงความสัมพันธ์ของสินค้าในแต่ละตัว โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นหมวดหมู่เดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น

{ Tag: รถออฟโรด } อาจจะมีสินค้ายี่ห้อ Jeep แสดง ในขณะเดียวกัน ล้อและยาง  ก็แสดงขึ้นมาด้วย เป็นต้น โดยมี URL ที่ปรากฏคือ

/Product-tag/ชื่อtag