การลงขายสินค้าประเภทต่างๆ

การลงขายสินค้าประเภทต่างๆ

สินค้าประเภทต่างๆ บนเว็บไซต์ของเรามีอะไรบ้าง?

นอกจากจะลงสินค้า แบบ Simple product ที่เราใช้กันอยู่ประจำ เรายังจะสามารถลงสินค้าได้อีก 4 แบบด้วยกันเพื่อให้เหมาะสมกับ Product และประเภทธุรกิจของเราครับ ลองสังเกตุตรง product data ดูครับ

ประเภทสินค้า

Simple Product : การขาย 1 รายการ ต่อ 1 สินค้า

การลงสินค้าแบบทั่วๆ ไป คือ สินค้าแต่ละชิ้นมีราคาเดียว ไม่ซับซ้อน

Variable Products : การขาย 1 รายการ ต่อ 1 สินค้า หลายคุณสมบัติ

การลงสินค้าที่ราคาแตกต่างกันตามคุณสมบัติ เช่น สีของเสื้อ, ไซต์ของเสื้อ เป็นต้น

Grouped Products : การขาย 1 รายการ ต่อ1 กลุ่มสินค้าหลายชนิด

เป็นการจัดรวม Simple Products ไว้ด้วยกันเป็นกลุ่ม เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าหลายชนิดได้ในครั้งเดียวกัน สามารถเพิ่มยอดขายได้ง่ายและสะดวกต่อผู้ซื้อในกรณีจำเป็นต้องซื้อสินค้าหลายๆอย่างที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยผู้ขายจำเป็นต้องมีสินค้าที่ลงขายเป็นประเภท Simple Products ก่อน แล้วจึงทำการ รวบรวมสินค้าเหล่านั้น มาลงขายในกรณีแบบกลุ่มอีกทีหนึ่่ง

การประยุกต์ใช้เพิ่มเติม

  • จัดเป็นกลุ่มชุดเครื่องแต่งกาย
  • จัดเป็นชุดเซ็ตเครื่องมือ
  • จัดเป็นให้เลือกซื้อสินค้าตามรุ่นก็ได้ เพราะตัวเดียวกัน แต่เวอร์ชั่นเก่า อาจจะราคาถูกกว่าตัวเวอร์ชั่นใหม่
  • จัดเป็นกลุ่มราคาขายปลีก-ส่ง โดยสินค้าชิ้นที่ 1 ตั้งเป็นราคาต่อชิ้น ส่วนสินค้าอีกชิ้น ตั้งราคาเป็นต่อแพ็ค เป็นต้น

 

Affiliate Products : การขายสินค้าจากฐานข้อมูลภายนอกเว็บไซต์

ไว้ใช้ทำ Affiliate product เป็นตัวแทนจำหน่าย ได้ค่าแนะนำ
ทำเป็น External product แล้วให้ยิงไปที่ inbox ของสินค้าที่เราลงไปบน Facebook ก็ได้ เพื่อให้แชทคุยกันก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งเหมาะกับนิสัยคนไทยมาก

Digital product

คือสินค้าที่เราไม่ต้องจัดส่ง แต่สามารถให้โหลดใช้งานหลังจากสั่งซื้อได้เลย เช่นพวก E-book เป็นต้น

แต่ในกรณีขายผ่านเว็บไซต์ จะสามารถเลือกรูปแบบสินค้า ได้ 3 ชนิดคือ 1. Simple Products  2. Variable Products 3. Grouped Products เท่านั้น


ขั้นตอนลงสินค้าประเภทต่างๆ

1. การลงสินค้าแบบ Simple Product

หัวข้อนี้ถือเป็นการปูพื้นการลงสินค้าอย่างถูกต้อง หลักการเพิ่มข้อมูลสินค้า ทุกๆ Product ต้องมี 6 สิ่งต่อไปนี้

ชื่อสินค้า
ติ๊ก Categories (หมวดหมู่สินค้า)
เนื้อหา (ช่อง text editor)
– ช่องด้านบน >> แสดงข้อมูลขนาดยาวด้านล่างของรูปภาพสินค้า
– ช่องด้านล่าง >> แสดงด้านข้อมูลแบบย่อๆ ข้างรูปภาพสินค้า
ราคาสินค้า
Product image (รูปภาพหน้าปกสินค้า) ควรเป็นไซต์ขนาดสีเหลี่ยมจตุรัส (อัตราส่วนรูปภาพ 1:1)  ขนาดไฟล์รูปอย่าให้เกิน 100 kb
Product Gallery (รูปภาพประกอบสินค้า) รูปไซต์ไหนก็ได้ แต่ขนาดไฟล์รูปอย่าให้เกิน 100 kb เช่นเดียวกัน

ภาพตัวอย่าง สินค้าที่ปรากฏ

2.การลงสินค้าแบบ Grouped product

ให้ดูว่า Grouped Product ของเราจะมีสินค้าอะไรบ้าง เช่น Grouped Product ตัวอย่างของผมคือ Cupcake Cookbook ซึ่งจะมีสินค้าอยู่ 2 ชนิดคือ ตัว Cookbook ที่เป็น E-book กับตัวที่เป็น หนังสือปกแข็ง ให้เราลงสินค้าทั้งสองตัวให้เรียบร้อย แบบ Simple product ให้ add product เพิ่ม ตั้งชื้อสินค้าและใส่เนื้อหาสินค้าให้เรียบร้อย
ในส่วนของ product data ให้เราเลือกประเภทเป็น Grouped product คลิกไปที่ Liked Products ตรง Grouped products ให้เราพิมพ์ชื่อสินค้าที่เราต้องการมาจัดกลุ่มลงไป

ส่วนการแสดงผล จะเป็นไปตามรูปด้านล่าง

3. การลงสินค้าแบบ Variable product

1. ลงรายละเอียดสินค้าพื้นฐานให้เรียบร้อย
2. ในส่วนของ product data ให้เราเลือกประเภทเป็น Variable product
3. สร้าง attribute (คุณลักษณะ) ของสินค้า มีวิธีการทำดังนี้
– คลิกตรง attribute >> คลิก add >> ตั้งชื่อ attribute เช่น color >> ตั้งค่า attribute ที่เรามีเช่น สีดำ สีเขียว โดยเราจะใช้ภาษาใดในการเขียนก็ได้ แต่ให้ใช้สัญลักษณ์ | ในการเพิ่มค่าอื่นๆ เช่น Black | Green

**อย่าลืมติ๊กถูกที่ Visible on the product page และติ๊กที่ Used for variations

** หากต้องการเพิ่ม attribute ก็คลิก add เพิ่มได้เลยเช่น ขนาดของเสื้อ S | M | L

4. ให้ไปที่ Variations เลือก Create variations from all attributes คลิก Go ได้เลย

5. กำหนดขอมูลสินค้าของแต่ละ Variations ได้เลยครับ เราสามารถตั้งราคา รูปภาพ และข้อมูลสินค้าของแต่ละตัวให้แตกต่างกันได้

**ตั้งค่า Variations ให้ครบทุกตัวเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย การแสดงผลหน้าสินค้า Variable product ของเราจะเป็นแบบนี้ครับ

ขอขอบคุณ ข้อมูลการลงขายสินค้า จาก

Share this post

ใส่ความเห็น